Mars Reconnaissance Orbiter (MRO) ของ NASA เป็นอวกาศยานมีอายุยืนยาวที่สุดเป็นอันดับสองในการโคจรรอบดาวอังคารรองจาก Mars Odyssey MRO ได้รับการนำส่งไปยังดาวอังคารเพื่อศึกษาดาวอังคารตั้งแต่เดือนมีนาคม 2549 โดย MRO ทำการส่งภาพความละเอียดสูงของพื้นผิวดาวอังคารลับมา ทั้งนี้มีภาระกิจที่น่าสนใจหลายอย่างได้แก่ การค้นหาน้ำแข็งและจุดลงจอดของยานสำรวจดาวอังคาร ซึ่งการถ่ายภาพดาวหางที่บินใกล้รียกว่า Comet Siding Spring ในปี 2557
MRO ยังให้ภาพที่มีความละเอียดสูงของแนวลาดชันที่เกิดซ้ำ ๆ และแนวปล่องภูเขาไฟเนื่องมาจากลักษณะของฝุ่นหรือผิวน้ำที่หยาบ นอกจากนี้ MRO ยังทำหน้าที่เป็นตัวถ่ายทอดการสื่อสารสำหรับ Opportunity Rover
และ Curiosity Rover ความอยากรู้บนพื้นผิวของดาวอังคาร
การพัฒนาและเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์
MRO เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่ยาวนานของ NASA ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การค้นหาหลักฐานการอยู่อาศัยในยุคโบราณบนดาวอังคารอกาสในการนำส่งไปยังดาวอังคารครั้งแรกของ MRO (ซึ่งยังไม่ได้ระบุชื่อในเวลานั้น) น่าจะเกิดขึ้นในปี 2546 ตามข้อมูลของ NASA แต่ NASA เลือกที่จะส่ง Mars Exploration Rovers (Spirit และ Opportunity) ขึ้นไปยังดาวอังคารแทน เนื่องจาก Rover สามารถลงจอดในสองพื้นที่ซึ่งเป็นความสามารถที่ไม่มีใน Orbiter ในปี 2544 นาซ่าได้เลือกบริษัท Lockheed Martin เป็นผู้สร้างหลักสำหรับอวกาศยานซึ่งมีกำหนดนำส่งขึ้นสู่อวกาศในปี 2548
ลักษณะที่สำคัญของ MRO
• Mars Reconnaissance Orbiter เสร็จสิ้น การโคจรรอบดาวอังคาร 60,000 รอบเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2562
• เป็นอวกาศยานที่รวบรวมและถ่ายทอดข้อมูลวิทยาศาสตร์รวมทั้งภาพอากาศประจำวัน
• นอกจากนี้ยังสอดแนมสถานที่ลงจอดสำหรับผู้ลงจอดบนดาวอังคารและทำหน้าที่เป็นสถานีถ่ายทอดที่สำคัญสำหรับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกส่งกลับจากดาวอังคาร
![](http://isr.spoc.rtaf.mi.th/wp-content/uploads/2021/05/20210513-1-1024x642.png)
(เครดิตรูปภาพ: NASA / JPL / Corby Waste)
รายละเอียดของ Mars Reconnaissance Orbiter (MRO)
สิ่งที่ค้นพบในช่วงแรก ๆ จากภาพถ่ายที่ High Resolution Imaging Science Experiment (HiRISE) เก็บรวบรวมคือการปรากฏตัวของคาร์บอนไดออกไซด์เหลวหรือน้ำบนพื้นผิวดาวอังคาร ในช่วง ระยะขยายภารกิจทางวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 ถึงธันวาคม 2553 MRO ต้องเผชิญกับอุปสรรคทางเทคนิคหลายประการซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการรีบูตเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ดูเหมือนเกิดขึ้นเองสี่ครั้งในปี 2552 จนในที่สุดอวกาศยานถูกปิดระบบลงและเข้าสู่โหมดปลอดภัย (Safe Mode) เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม แต่ในที่สุดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2552 วิศวกรได้สั่งให้ยานอวกาศออกจากโหมดปลอดภัยและค่อย ๆ เริ่มปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์โดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง
MRO ได้ผ่านเหตุการณ์สำคัญเชิงสัญลักษณ์เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2553 โดยมีการส่งข้อมูล 100 เทราบิต (terabits) กลับมายังโลกซึ่ง NASA กล่าวว่า“ มากกว่าสามเท่าของข้อมูลจากภารกิจอวกาศอื่น ๆ ทั้งหมดที่รวมกัน”
![](http://isr.spoc.rtaf.mi.th/wp-content/uploads/2021/05/20210513-2-1024x576.png)
เครดิต: NASA / JPL-Caltech / MSSS / JHU-APL
ระยะใหม่ในภารกิจของ MRO เริ่มขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2553 ภารกิจขยาย เป้าหมายคือการสำรวจกระบวนการตามฤดูกาลบนดาวอังคาร ค้นหาการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวและเพื่อให้การสนับสนุนอวกาศยานบนดาวอังคารลำอื่น ๆ รวมถึง Mars Science Laboratory (MSL)
ต่อมาในเดือนสิงหาคม 2554 NASA ประกาศว่าข้อมูลจาก MRO ระบุว่าน้ำอาจไหลบนดาวอังคารในช่วงเดือนที่อบอุ่นที่สุดของปี โดยมีภาพจาก MRO แสดงลักษณะคล้ายนิ้วสีเข้มซึ่งเรียกว่า Recurring Slope Linear (RSL) ซึ่งปรากฏและหายไปบนบาง slope ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อน แต่จะหายไปอย่างเดียวในช่วงฤดูหนาว
ในช่วงปลายปี 2561 MRO ได้ช่วยระบุตำแหน่งที่แน่นอนของอวกาศยานInSight (Interior Exploration using Seismic Investigations, Geodesy และ Heat Transport) ของ NASA ซึ่งลงจอดเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 โล่ความร้อนและร่มชูชีพของ Insight Lander ถูกตรวจพบโดยกล้อง High-Resolution Imaging Science Experiment Camera (HiRISE) ของ MRO เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมและอีกครั้งในวันที่ 11 ธันวาคม 2561 บน Elysium Planitia ซึ่งเป็นที่ราบลาวาที่ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ลงจอดของอวกาศยาน InSight
MRO ยังคงใช้งานได้และเป็นอวกาศยานที่มีอายุยืนยาวที่สุดเป็นอันดับสองที่โคจรรอบดาวอังคารหลังจากที่ 2001 Mars Odyssey
แหล่งที่มา :
– https://solarsystem.nasa.gov/missions/mars-reconnaissance-orbiter/in-depth/
– https://www.space.com/18320-mars-reconnaissance-orbiter.html
เรียบเรียง : จ.อ.ธวัชชัย หันจันทร์