![](http://isr.spoc.rtaf.mi.th/wp-content/uploads/2021/12/20211202-3.png)
ปัญญาประดิษฐ์กำลังถูกใช้เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ทั้งบนโลกและที่ไกลออกไปการพัฒนาอย่างรวดเร็วของ AI แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสำรวจอวกาศอย่างก้าวกระโดด จากการให้ความช่วยเหลือส่วนบุคคลแก่นักบินอวกาศ ไปจนถึงการช่วยให้เราเข้าใจดวงอาทิตย์ได้ดีขึ้น โดยสรุปได้ดังนี้
๑. ในปี พ.ศ.๒๕๖๒ หุ่นยนต์ AI ผู้ช่วยนักบินอวกาศ เป็นที่รู้จักกันในนาม Cimon ได้ถูกส่งขึ้นไปสถานีอวกาศนานาชาติ เพื่อปฏิบัติภารกิจ ๓ ปี Cimon ได้รับหน้าที่ทดสอบนักบินอวกาศ เพื่อลดความตึงเครียด ช่วยเหลืองานต่างๆ ตามที่นักบินอวกาศร้องขอ คล้ายกับ Interstellar butler ในภาพยนตร์ เพื่อเป็นผู้ช่วยนักบินอวกาศ ปัจจุบันองค์การการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ (NASA) กำลังพัฒนา Robonaut ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ AI เพื่อทำงานร่วมกับนักบินอวกาศ ในสภาพแวดล้อมอันท้าทายของห้วงอวกาศ และเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติภาระกิจที่เสี่ยงจากอันตรายเกินกว่าขีดความสามารถที่มนุษย์จะทำได้
๒. พ.ศ.๒๕๕๓ หอสังเกตการณ์ Solar Dynamics Observatory ของ องค์การการบินและอวกาศแห่งชาติ NASA สามารถตรวจสอบดวงอาทิตย์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยถ่ายภาพในความยาว ๑๐ ช่วงคลื่นทุกๆ ๑๒ วินาที จากการใช้ Machine Learning และ AI ระบุการเสื่อมสลายอันส่งผลกระทบต่อรูปภาพปัจจุบันของกล้องโทรทรรศน์มากน้อยเพียงใดและแต่ละภาพต้องมีการปรับเทียบมากน้อยเพียงใด สิ่งนี้นำไปสู่ความเข้าใจที่มากขึ้นของ ดวงดาวที่สำคัญที่สุดในจักรวาลของเรา
๓. ช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการวางแผนภารกิจอวกาศ ผู้ช่วย AI ถูกปรับใช้เพื่อลดเวลาในการออกแบบจัดทำภารกิจทางอวกาศ ในเบื้องต้น Daphne เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่ใช้ออกแบบระบบดาวเทียมสำรวจโลก AI มีศักยภาพที่ชัดเจนในการลดจำนวนชั่วโมงการทำงานที่จำเป็นในการสร้างแผนภารกิจ การรวบรวมข้อเสนอแนะและข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
๔. การใช้งาน Collision avoidance maneuver design ช่วยในการหลบหลีกขยะอวกาศนอกชั้นบรรยากาศในปัจจุบัน มีวัตถุเกือบ ๓๔,๐๐๐ ชิ้น ที่มีขนาดใหญ่กว่า ๑๐ ซม. อาจทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านอวกาศตกอยู่ในความเสี่ยง ทำให้เกิดการชนกันหรือสร้างความเสียหายต่อภารกิจอวกาศ โดย Machine Learning และ AI จะช่วยหลีกเลี่ยงการชนที่อาจเกิดขึ้นกับเศษอวกาศ โดยใช้วิธีการออกแบบหลบหลีกการชน AI จะทำการคำนวณที่ซับซ้อนเพื่อทำแผนที่เส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับดาวเทียมหรืออวกาศยาน เพื่อหลีกเลี่ยงเศษซากที่กำลังจะเกิดขึ้น โมเดลเหล่านี้สามารถช่วยปรับปรุงความปลอดภัยและทำให้ดาวเทียมโคจรได้นานขึ้น
๕. การทำความเข้าใจข้อมูลดาวเทียมที่มีจำนวนมหาศาลมากจนนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยไม่สามารถจะคำนวนแบบเรียลไทม์ได้ AI จะเจ้ามาช่วยในการสร้างรายงานที่มีผลกระทบอย่างแท้จริงต่อชีวิตบนโลก AI สามารถใช้ข้อมูลดาวเทียมเพื่อประมาณการการจัดเก็บความร้อนในเมืองหรือข้อมูลอุตุนิยมวิทยาเพื่อประเมินความเร็วลมได้ดียิ่งขึ้น AI ยังช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจว่าเมื่อใดที่จำเป็นต้องเรียกคืนดาวเทียมเพื่อการบำรุงรักษา ตรวจจับปัญหาหรือการทำงานผิดพลาด และคาดการณ์ประสิทธิภาพเมื่อเวลาผ่านไป
ที่มา :
- https://www.thomasnet.com/insights/how-will-ai-assist-in-space-exploration/
- https://www.nasa.gov/feature/goddard/2021/artificial-intelligence-helps-improve-nasa-s-eyes-on-the-sun
- https://www.dlr.de/content/en/articles/news/2020/02/20200415_cimon-2-makes-its-debut-on-the-iss.html
- https://robonaut.jsc.nasa.gov/R2/
- https://www.weforum.org/agenda/2021/01/artificial-intelligence-space-exploration-tech-ai
- https://arc.aiaa.org/doi/10.2514/6.2018-1366
- https://arc.aiaa.org/doi/full/10.2514/1.G005398
แปลและเรียบเรียงโดย ร.อ.ยุทธนา สุพรรณกลาง