องค์การพัฒนาอวกาศ หรือ SDA ได้ทำการปรับปรุง Request for Proposal (RFP) ที่ก่อนหน้านี้เคยขอประมูลดาวเทียมจำนวน 144 ดวง ขณะนี้เปลี่ยนข้อเสนอเป็นการหาดาวเทียม 126 ดวง และจัดหาอีก 18 ดวงในภายหลัง
การตัดสินใจเปลี่ยนเกิดขึ้นหลังจากได้พิจารณาถึงแผนเดิมที่จะทำการส่งดาวเทียมจำนวน 24 ดวง ซ้อนกันจำนวน 6 ชุด อาจทำไม่ได้เนื่องจากข้อจำกัดของยานนำส่ง ซึ่งอาจลดลงเหลือเป็น 21 ดวงแทน ทั้ง SDA ได้ทำการขยายเวลาสำหรับการยื่นข้อเสนอในโครงการ Transport Layer Tranche 1 ออกไปเป็น 8 ต.ค. โดย Transport Layer Tranche 1 จะเป็นระบบดาวเทียมรีเลย์จำนวน 126 ดวง ที่จะทำงานโดยเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายแบบ Mesh Network
ทั้งนี้ในเอกสาร RFP ฉบับเดิมเมื่อวันที่ 30 ส.ค. SDA ได้ขอให้มีการปล่อยดาวเทียมสื่อสาร “พื้นฐาน” จำนวน 126 ดวงในปี 2024 และเพิ่มเติมอีก 18 ดวง ภายใต้ “Partner Payload Program” หรือที่เรียกว่า P3 ซึ่งจะบรรทุก Hosted Payload เอกสาร RFP ฉบับแก้ไขได้เผยแพร่เมื่อวันที่ 14 ก.ย.
ดาวเทียมกลุ่ม P3 จะเป็นดาวเทียมที่รวม ชุด 12 ดวง UHF และ S band และอีก 6 ดวง ที่ยังไม่ได้มีการพิจารณา Payload จาก Air Force Research Laboratory หรือ U.S. Army หรือ the Defense Advanced Research Projects
Tournear ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อจำกัดของยานนำส่ง SDA จำเป็นต้องลดจำนวนของดาวเทียมต่อชุดลงเป็น 21 ดวง เนื่องจากจรวด Falcon 9 ของ SpaceX ส่วนของ Recoverable Booster Configuration ไม่เอื้ออำนวยต่อการส่งดาวเทียมจำนวน 24 ดวง ต่อครั้ง ทั้ง SpaceX และUnited Launch Alliance (ULA) เป็นผู้ให้บริการกานำส่งดาวเทียมภายใต้สัญญา National Security Space Launch ระยะที่ 2 แหล่งข่าวได้กล่าวว่า กองทัพอวกาศสหรัฐต้องการให้ SDA กำหนดค่า Payload เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้ผู้ให้บริการนำส่งดาวเทียมรายอื่นแทน
ที่มา https://spacenews.com/space-development-agency-revises-transport-layer-procurement-with-fewer-satellites-per-launch/
แปลและเรียบเรียงโดย ร.อ.ทินวัฒน์ เมตตะธำรงค์