หลังจากตอนที่ 1 ได้กล่าวถึงเหตุผลที่ทำให้สหรัฐอเมริกา ได้จัดตั้งกองทัพอวกาศสหรัฐเพิ่มเติมขึ้นมานอกเหนือจาก กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ นั้น กองทัพอวกาศสหรัฐได้มีหลักการแนวทางของทหารอวกาศ (Military Space Power Guiding Principles) มีใจความ ดังนี้
หลักการแนวทางทหารอวกาศ (Military Space Power Guiding Principles)
- สหรัฐฯ ต้องการความสงบ ความมั่นคง ความปลอดภัย และสามารถเข้าถึงมิติอวกาศได้ ความแข็งแกร่งและความปลอดภัยในอวกาศช่วยให้มีอิสระในการดำเนินการในมิติของการสู้รบอื่น ๆ โดยขณะเดียวกันก็มีส่วนทำให้เกิดความมั่นคงและความปลอดภัยระหว่างประเทศอีกด้วย สหรัฐฯ จึงต้องปรับองค์กรความมั่นคงแห่งชาติ
ด้านอวกาศ ในเรื่องหลักนิยม ความสามารถในการยับยั้งและเอาชนะการรุกราน อีกทั้งการปกป้องผลประโยชน์ของชาติในอวกาศ - อาณาเขตของอวกาศ คือพื้นที่ที่อยู่เหนือระดับความสูง ซึ่งผลกระทบของบรรยากาศต่อวัตถุในอากาศกลายเป็นเรื่องเล็กน้อย คุณค่าของอาณาเขตอวกาศเกิดจากความสามารถในการดำเนินกิจกรรมด้วยการเข้าถึง
ที่ไม่มีใครเทียบได้ ความวิริยะ ความอดทน และการตอบสนอง ในขณะเดียวกันก็ยอมให้บินผ่านสถานที่ใดๆ บนโลก
ได้ตามกฎหมาย คุณลักษณะเหล่านี้จึงเป็นแก่นแท้ของกำลังทางอวกาศสากล - ทหารของกองทัพอวกาศ คือนักสู้ที่ปกป้อง ป้องกัน และวางแผนงานในด้านกำลังทางอวกาศ พวกเขาให้การสนับสนุนความมั่นคง ความปลอดภัย รวมไปถึงผลกระทบเชิงกลยุทธ์โดยใช้กำลังทางอวกาศจากภายในไปสู่ มิติอวกาศ สิ่งนี้จำเป็นต้องมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดทั้งจากรัฐบาลสหรัฐ พันธมิตร และหุ้นส่วนต่างๆ อีกทั้งเป็นไปตามกฎหมายในประเทศและระหว่างประเทศอีกด้วย
- การดำเนินการด้านอวกาศที่ไม่เพียงแต่เป็นสากลเท่านั้น แต่ยังมีความหลากหลายมิติ (Multi Domain) อีกด้วย การโจมตีที่ประสบความสำเร็จกับส่วนใดก็ได้หรืออีกนัยหนึ่งคือการรวมกันของทุกส่วน ไม่ว่าบนภาคพื้น การสื่อสาร หรือในอวกาศ ของสถาปัตยกรรมอวกาศสามารถที่จะทำให้ประสิทธิภาพของอวกาศเป็นกลางได้ ดังนั้น การเข้าถึงมิติอวกาศ การซ้อมรบ รวมถึงการแสวงหาประโยชน์ต้องใช้ความรอบคอบ และการดำเนินการในการป้องกันที่ประสานกันของทั้งสามส่วน
- ภารกิจหลักจะเน้นไปที่การบริการด้านดิจิทัล กองกำลังอวกาศแห่งสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญกับความคล่องตัวขององค์กรนวัตกรรม และความกล้าหาญ การยกระดับคุณลักษณะเหล่านี้เริ่มต้นด้วยการเพิ่มขีดความสามารถให้กับทีมขนาดเล็กและประเมินความเสี่ยงที่วัดได้เป็นโอกาสในการเรียนรู้และปรับตัวอย่างรวดเร็ว
![](http://isr.spoc.rtaf.mi.th/wp-content/uploads/2021/08/20210824-1-1.jpg)
เป็นหลักการหรือแนวทางที่สำคัญสำหรับกองทัพอวกาศสหรัฐฯ ที่พูดถึงทฤษฎีเกี่ยวกับกำลังอวกาศ
โดยหลังจากการขับเคลื่อนสถานะของอเมริกาในฐานะชาติที่เป็นผู้นำด้านอวกาศ ที่เริ่มจากการยิงนำส่งอวกาศยานของกองทัพสหรัฐฯ ที่ชื่อว่า Explorer 1 จากสถานีกองทัพอากาศ Cape Canaveral เมื่อวันที่ 31 มกราคม 1958 ซึ่งเป็นอวกาศยานอเมริกันลำแรกที่โคจรรอบโลก สองเดือนต่อมากองทัพเรือสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการสาธิตการโคจรของอวกาศยาน Vanguard 1 ซึ่งเป็นอวกาศยานพลังงานแสงอาทิตย์ลำแรก และในปีเดียวกันนั้นเอง สำนักงานโครงการวิจัยขั้นสูง ประสบความสำเร็จในการสาธิตการยิงนำส่งอวกาศยานสื่อสารครั้งแรกของโลก เหตุการณ์สำคัญเหล่านี้เป็นการปูทางสำหรับ Project Corona ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศสหรัฐฯ และ สำนักงานข่าวกรองกลาง (Central Intelligence Agency: CIA) เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 1960 ได้นำส่งอวกาศยาน Discoverer 14 โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Project Corona และได้ทำการส่งภาพการเฝ้าระวังกว่า 1,650,000 ตารางไมล์ของอาณาเขตของสหภาพโซเวียตกลับมา ด้วยความสำเร็จที่ต่อเนื่องกันเหล่านี้ กองทัพสหรัฐฯ ได้กำหนดให้มนุษยชาติสามารถควบคุมและใช้ประโยชน์จากพื้นที่เพื่อแสวงหาความมั่งคั่งและความปลอดภัย นับตั้งแต่เหตุการณ์สำคัญในช่วงแรกๆ เหล่านี้ กองทัพสหรัฐฯ อันประกอบไปด้วย กองทัพบก, กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ต่างก็พัฒนาขีดความสามารถด้านอวกาศที่เพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังอำนาจทางพื้นดิน ทางทะเล ทางอากาศ และทางไซเบอร์ตามลำดับ บริบทการกระจายอำนาจเหล่านี้หล่อหลอมความคิดของกองทัพสหรัฐฯ เกี่ยวกับอวกาศในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา โครงสร้างผลงานของสถาบันนี้คือทฤษฎี และหลักคำสอนทางการทหารในปัจจุบันที่มุ่งเน้นไปในเรื่องอวกาศโดยเฉพาะ ในฐานะเป็นส่วนเสริมของอำนาจทางการทหารรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งไม่ต้องจับพื้นที่ที่มีผลกระทบโดยตรงและเป็นอิสระต่อความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงของสหรัฐ หลักคำสอนที่นำเสนอในตอนต่อๆ ไป เพื่อเป็นการยกระดับอำนาจอวกาศให้เป็นสูตรอำนาจทางการทหารที่เด่นชัดเทียบเท่ากับอำนาจทางบก ทางทะเล ทางอากาศ และทางไซเบอร์
แทนที่จะมุ่งความสนใจไปที่มิติอื่นเพียงฝ่ายเดียว แนวความคิดที่เป็นอิสระเกี่ยวกับอำนาจในอวกาศต้องตระหนักถึงคุณค่าโดยธรรมชาติของอาณาเขตอวกาศก่อน และอิทธิพลอันมหาศาลของอวกาศที่มีต่อความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงของสหรัฐฯ ในบทที่ 1 ของหลักนิยมนี้จะกล่าวถึงการกำหนดมิติอวกาศ (Space Domain) และอธิบายคุณลักษณะของการบินโคจร สหรัฐอเมริกาใช้คุณลักษณะเหล่านี้เพื่อการสำรวจ (exploration) การสื่อสาร (communications) การวิเคราะห์ข้อมูลระยะไกล (remote sensing) และ วิทยาศาสตร์ (science) ในกรณีทั้งหมดนี้คุณค่าของการบินโคจรเกิดขึ้นจากความสามารถในการดำเนินกิจกรรมที่มีการเข้าถึงที่ยอดเยี่ยม ความพากเพียร ความอดทน การตอบสนอง และความรวดเร็ว บทที่ 2 กล่าวถึงการใช้คุณลักษณะเหล่านี้โดยแนะนำกำลังอวกาศแห่งชาติ เป็นภาพรวมของการใช้ความสามารถด้านอวกาศของประเทศในการแสวงหาความมั่นคงและความมั่งคั่งของชาติ ภายใต้ข้อกำหนดนี้อวกาศจึงเป็นแหล่งที่มาพร้อมกันนั้นยังเป็นช่องทางให้ประเทศชาติสามารถนำไปสร้างและประยุกต์ใช้ในทางการฑูต ข้อมูลข่าวสารทางการทหารและเศรษฐกิจได้
เช่นเดียวกับแหล่งกำลังอำนาจของชาติใดๆ กองทัพอวกาศสหรัฐฯ ต้องปลูกฝัง พัฒนา และก้าวหน้าในด้านกำลังทางอวกาศ เพื่อเป็นหลักประกันความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงของชาติ ในบทที่ 3 กล่าวถึงการมีอยู่เพื่อรักษาความมั่งคงและความปลอดภัยนั้นเป็นรูปแบบเฉพาะของอำนาจทางการทหาร กำลังอวกาศทางทหารจึงใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถด้านอวกาศเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ทางการทหาร สนับสนุนนโยบายและยุทธศาสตร์ระดับชาติ กำลังอวกาศทางทหารมีความสามารถในการยับยั้ง บีบบังคับ โดยกองทัพอวกาศสหรัฐได้รับมอบหมายให้จัดหาทางเลือกที่เป็นอิสระสำหรับความเป็นผู้นำระดับชาติ อย่างไรก็ตามกำลังอวกาศทางการทหารนั้นมีศักยสูงสุดเมื่อรวมเข้ากับอำนาจทางการทหารรูปแบบอื่น บทที่ 4 อธิบายถึงการปฏิบัติงานที่เหมาะสมของทหารกองทัพอวกาศสหรัฐ โดยภายใต้กรอบนี้กองทัพอวกาศสามารถดำเนินการปฏิบัติการอวกาศอย่างรวดเร็วและยั่งยืน โดยบรรลุความรับผิดชอบหลักสามประการ คือ 1.รักษาเสรีภาพในการดำเนินการในมิติอวกาศ 2.ความสามารถในการทำลายที่มีประสิทธิภาพ และ 3.การให้ทางเลือกอย่างเป็นอิสระแก่ผู้นำระดับชาติของสหรัฐฯ ที่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ระดับชาติได้ จากความรับผิดชอบทั้งสามนี้ เป็นจุดประสงค์ที่สำคัญของพลังอำนาจแห่งกองทัพอวกาศ เพื่อให้บรรลุความรับผิดชอบของหลักการสำคัญเหล่านี้ จึงมีการจัดตั้งกองทัพอวกาศ ซึ่งต้องได้รับการฝึกฝนและพร้อมที่จะดำเนินการใน 5 สมรรถนะหลัก 1.ความปลอดภัยในอวกาศ (Space Security) 2.การวางแผนการรบ (Combat Power Projection) 3.การเคลื่อนย้ายทางอวกาศและการขนส่งหรือการส่งกำลังบำรุงทางอวกาศ (Mobility and Logistics) 4.การเคลื่อนที่ข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็ว (Information Mobility) และ 5.การตระหนักรู้ด้านมิติอวกาศ (Space Domain Awareness) การควบคุมและสั่งการ การดูแลของมิติอวกาศช่วยให้กองทัพอวกาศสามารถบรรลุสมรรถนะหลักทางทหาร เหล่านี้ได้
จากบทที่ 1 ถึง 4 อธิบายว่าเหตุใดกำลังทางอวกาศจึงมีความสำคัญ และวิธีการใช้อวกาศยานทางทหาร แต่ในบทที่ 5 เป็นการเน้นย้ำถึงผู้ชายและผู้หญิงที่ทำให้กำลังทางอวกาศทางการทหารสามารถเป็นไปได้ โดยกำลังทางอวกาศต้องการนักสำรวจ นักการทูต ผู้ประกอบการ นักวิทยาศาสตร์ นักพัฒนา และนักรบ ทหารของกองทัพอวกาศ เป็นผู้พิทักษ์ผลประโยชน์ด้านอวกาศของอเมริกาเป็นอันดับแรก และสิ่งสำคัญที่สุดคือ นักสู้ที่ทำการปกป้อง ป้องกัน ตามแผนงานของกำลังทางอวกาศของสหรัฐ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ต้องอุทิศตัวเองให้กับอาชีพที่มีความต้องการ 2 อย่างพร้อม ๆ กันคือ 1.เป็นนักรบ และ 2.เป็นนักเรียนที่ต้องเรียนรู้ในเรื่องของอวกาศ ทั้งสองสิ่งนี้เป็นการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์กับศิลปะเข้าด้วยกัน และก่อให้เกิดแก่นของจุดประสงค์ เอกลักษณ์ และวัฒนธรรมของทหารกองทัพอวกาศสหรัฐ โดยภารกิจหลักจะเน้นไปที่การบริการด้านดิจิทัล กองทัพอวกาศสหรัฐให้ความสำคัญกับความคล่องตัวขององค์กร นวัตกรรม และความกล้าหาญ การยกระดับคุณลักษณะทั้งหลายเหล่านี้เริ่มต้นด้วยการเพิ่มขีดความสามารถให้กับทีมขนาดเล็ก และประเมินความเสี่ยงที่วัดได้ว่าเป็นโอกาสในการเรียนรู้และการปรับตัวอย่างรวดเร็ว หลักการเหล่านี้ใช้กับการปฏิบัติงาน และภารกิจประจำวันอย่างเท่าเทียมกันกองทัพอวกาศสหรัฐจำเป็นต้องดึงเอาคุณสมบัติเหล่านี้ออกมา เพื่อพัฒนาทหารของกองทัพอวกาศเพื่อชาติอย่างไม่ลดละ
ในฐานะผู้กำกับดูแลทหารอวกาศ กองทัพอวกาศสหรัฐ มีหน้าที่รับผิดชอบหลัก 3 ประการ คือ 1.รักษาเสรีภาพในการดำเนินการในมิติอวกาศ 2.ความสามารถในการทำลายอย่างมีประสิทธิภาพ และ 3.การให้ทางเลือกอย่างเป็นอิสระ โดยความรับผิดชอบเหล่านี้มาจาก 5 สมรรถนะหลัก 1.ความปลอดภัยในอวกาศ (Space Security) 2.การวางแผนการรบ (Combat Power Projection) 3.การเคลื่อนย้ายทางอวกาศและการขนส่งหรือการส่งกำลังบำรุงทางอวกาศ (Mobility and Logistics) 4.การเคลื่อนที่ข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็ว (Information Mobility) และ 5.การตระหนักรู้ด้านมิติอวกาศ (Space Domain Awareness) ในทางกลับกันสมรรถนะของการปฏิบัติงานเหล่านี้ต้องการความเชี่ยวชาญพิเศษในสาขาวิชาต่างๆ เช่น กำลังทางอวกาศ (Space Power)สงครามวงโครจร (Orbital Warfare) สงครามอิเล็กทรอนิกส์ทางอวกาศ (Space Electromagnetic Warfare), การบริหารจัดการสงครามทางอวกาศ (Space Battle Management) การเข้าถึงทางอวกาศและความยั่งยืน(Space Access and Sustainment) หน่วยข่าวกรองทางทหาร (Military Intelligence) ปฏิบัติการทางไซเบอร์ (Cyber Operations) และวิศวกรรม/การเข้าซื้อกิจการ (Engineering/Acquisitions)
![](http://isr.spoc.rtaf.mi.th/wp-content/uploads/2021/09/Space-Power2-1024x576.jpg)
สาขาวิชากำลังทางอวกาศทั้งหมด จะต้องดำเนินการตามสมรรถนะหลักแต่ละรายการเช่นเดียวกับการบูรณาการของสมรรถนะหลักทั้งหมด ที่จำเป็นในการตระหนักถึงความรับผิดชอบหลักสำคัญของกองทัพอวกาศสหรัฐ เนื่องจากพื้นที่ทั้งหมดเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงถึงกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านอวกาศสามารถติดตามหัวข้อตั้งแต่การฝึกอบรมในบทบาทเฉพาะไปจนถึงสาขากำลังทางอวกาศ (Spacepower Disciplines) เพื่อให้สามารถสอดรับกับสมรรถนะหลัก (Core Competency) ไปจนถึงหลักความรับผิดชอบ (Cornerstone Responsibility) ที่สำคัญ ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านอวกาศควรเห็นว่าการปฏิบัติภารกิจประจำวันของพวกเขามีส่วนทำให้เกิดความมั่นคง และความปลอดภัยของประเทศชาติอย่างไร
The Space Capstone Publication เป็นคู่มือการปฏิบัติงานเบื้องต้นสำหรับกองทัพอวกาศสหรัฐ โดยจัดให้มีพื้นฐานสำหรับการฝึกอบรมและการศึกษา การรายงานผล การตัดสินใจ การวิเคราะห์ภารกิจ วัตถุประสงค์ และการพัฒนายุทธศาสตร์อวกาศทางทหาร เพื่อสนับสนุนความมั่นคงของชาติ การป้องกันประเทศ และยุทธศาสตร์ทางทหารของชาติ ในการอธิบายกำลังทางอวกาศให้เป็นรูปแบบหนึ่งของอำนาจทางการทหาร เอกสารสำคัญนี้จะช่วยแนะนำคำศัพท์ และแนวความคิดใหม่ในการประสานงานระหว่างหน่วยงานกระทรวงกลาโหม (Department of Defense หรือที่มีชื่อย่อยว่า DoD) กับชุมชนพันธมิตรที่แสดงถึงทฤษฎีอิสระของกำลังทางอวกาศอย่างไรก็ตามเมื่อนำมาใช้ เอกสารฉบับนี้พยายามที่จะรักษาความสอดคล้องร่วมกับหลักนิยมเพื่อให้กองทัพอวกาศสหรัฐทำงานร่วมกับกองทัพอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเปิดตัว Space Capstone Publication เป็นงานพื้นฐานขององค์ความรู้ระดับมืออาชีพของกองทัพอวกาศสหรัฐ ในขณะที่กำลังพลใหม่ได้ถูกพัฒนาและได้รับประสบการณ์ การดำเนินงานในสภาพแวดล้อมเชิงกลยุทธ์ที่เกิดขึ้นใหม่นี้หลักนิยมก็เช่นเดียวกัน โดยหลักนิยมใน Capstone เป็นรูปแบบที่แท้จริง ซึ่งไม่ได้กำหนดการตอบสนองในการปฏิบัติงาน แต่มันเป็นพื้นฐานในการปฏิบัติหน้าที่ เกิดขึ้นจากประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ขับเคลื่อนด้วยวิสัยทัศน์ที่ยั่งยืน ช่วยให้ผู้นำสามารถปรับเปลี่ยนวิธีคิดในการตัดสินใจให้เข้ากับสถานการณ์เฉพาะได้ และเมื่อเวลาผ่านไปเราสามารถคาดหวังให้เกิดสิ่งพิมพ์ในระดับปฏิบัติการ และในระดับยุทธวิธี ออกมาเพิ่มเติมตามเมื่อมีการใช้งาน การประเมิน และได้ทำการปรับปรุงกำลังทางอวกาศของกองทัพอวกาศสหรัฐ
การจัดลำดับหลักนิยมที่นำเสนอสำหรับกองทัพอวกาศสหรัฐ ประกอบด้วย 3 ระดับ ซึ่งมีเอกสารสำคัญภายใต้ขอบเขตของหัวหน้าการปฏิบัติการทางอวกาศ (Chief of Space Operations :CSO) ซึ่งระบุวัตถุประสงค์ เอกลักษณ์ และหลักการในการปฏิบัติงานสำหรับประสานงานกันระหว่างหน่วยงานกระทรวงกลาโหม และชุมชนพันธมิตร ในส่วนหลักนิยมระดับกลางยังอยู่ในขั้นกำลังดำเนินการ ซึ่งจะให้การสนับสนุนองค์กรที่จำเป็นสำหรับความพยายามทางทหารอย่างมีประสิทธิภาพ และการพัฒนาหลักนิยมที่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะหลักต่อไป ส่วนหลักนิยมระดับสุดท้าย คือระดับยุทธวิธี เรียกว่าขั้นตอนการปฏิบัติงานตามมาตรฐานทางยุทธวิธี (Tactical Standard Operations Procedures : TACSOPs) โดยจะประมวลบทเรียนให้กำลังพลของกองทัพอวกาศได้ประยุกต์ใช้
ในวิชาต่างๆ
โดยทั่วไปเอกสาร Space Capstone นี้จะได้รับการตรวจสอบทุก 4 ปี เนื่องจากไม่ควรเปลี่ยนแปลงหลักการพื้นฐานบ่อยๆ แม้ว่าองค์กรและกระบวนการของกองทัพอวกาศสหรัฐ อาจมีวิวัฒนาการใหม่เกิดขึ้นมาในช่วงปีแรกๆ ศูนย์บัญชาการภาคสนามจะทบทวนหลักนิยมการปฏิบัติงานในรอบ 2 ปี หากมีการกำหนดความจำเป็นสำหรับการเปลี่ยนแปลงภายในหลักนิยม เป็นกรณี “เร่งด่วน” ผู้บัญชาการกองทัพอวกาศสหรัฐ สามารถที่จะทำการตรวจสอบและปรับปรุงเอกสารหลักนิยมที่เกี่ยวข้องได้ โดยใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงไม่นานประมาณ 3 เดือน สุดท้ายขั้นตอนการปฏิบัติงานตามมาตรฐานทางยุทธวิธี จะใช้กระบวนการทางออนไลน์ในการทำงานร่วมกัน อย่างต่อเนื่อง โดยจะอนุมัติการเปลี่ยนแปลงในระดับคำสั่งต่ำสุดที่เหมาะสม ทำให้กองทัพอวกาศสหรัฐปรับตัวและเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความคล่องตัวและความกล้าหาญอันเป็นจุดเด่น
จากบทความในตอนที่ 2 นี้เป็นการแนะนำให้ผู้อ่านได้ความเข้าใจเหตุผล ความเป็นมา รวมไปถึงหลักการ และเป็นกล่าวนำเนื้อหาในแต่ละบทของหลักนิยมกองทัพอวกาศสหรัฐ ก่อนที่จะเข้าเนื้อหาในบทต่อๆ ไป
— จบ ตอนที่ 2 —
ที่มา https://www.spaceforce.mil/
เรียบเรียงโดย : ร.อ.นิตินัย อุตสาหะ