![](http://isr.spoc.rtaf.mi.th/wp-content/uploads/2021/08/20210824-1-1.jpg)
สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อมิติทางกระบวนการรับรู้
กำลังอวกาศทางการทหารกำหนดรูปแบบและจัดการกับวิธีการประมวลผลข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม โดยการสร้างการตระหนักรู้ เพื่อได้มาซึ่งการตัดสินตกลงใจที่สำคัญในทุกแง่มุมของมิติทางกระบวนการรับรู้ความห่างไกลของมิติอวกาศท้าทายให้ผู้ปฏิบัติงานเข้าใจการทำงานทางกายภาพโดยไม่ต้องป้อนข้อมูลทางประสาทสัมผัสโดยตรง ดังนั้น สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อมิติทางกระบวนการรับรู้จะเกี่ยวข้องกับการรักษาความสามารถในการสังเกต และปรับทิศทางภายในสภาพแวดล้อมเพื่อตัดสินใจและดำเนินการได้จากสถานที่อันห่างไกลอย่างมีประสิทธิภาพ การยอมรับมิติทางกระบวนการรับรู้ของมิติอวกาศอย่างชัดแจ้ง ตอกย้ำให้เห็นว่ากำลังอวกาศทางการทหารเป็นกำลังบังคับ แม้จะมีมนุษย์จำนวนจำกัดที่ครอบครองขอบเขตทางกายภาพของมิติอวกาศ
มิติทางกระบวนการรับรู้จะรวมถึงผู้กระทำที่เป็นมิตร ปฏิปักษ์ และบุคคลที่สามที่ปฏิบัติการในทุกระดับของการทำสงคราม ตัวอย่างเช่น การปฏิบัติการในอวกาศสามารถยับยั้งการรุกรานของฝ่ายตรงข้ามได้โดยอาศัยการรับรู้ที่น่าเชื่อถือของการตอบโต้ที่ไม่สามารถยอมรับได้ และรับรองพันธมิตรฝ่ายเดียวกัน และเชิงพาณิชย์ของมิติอวกาศที่ปลอดภัย
ในสงครามอวกาศ มิติทางกระบวนการรับรู้เป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในหลายๆ ด้าน เช่น ความเหนือกว่าในด้านการตัดสินตกลงใจ การป้องปราม การกีดกัน ความสามารถ และความเชื่อมั่น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เห็นได้เด่นชัด ซึ่งการทำให้อวกาศยานฝ่ายตรงข้ามเสนอความสำคัญที่จำกัดทางการทหาร หากการกระทำดังกล่าวไม่ส่งผลต่อการรับรู้หรือการตัดสินใจของฝ่ายตรงข้าม
กลยุทธ์ทางแม่เหล็กไฟฟ้าในอวกาศ (THE ELECTROMAGNETIC MANEUVER SPACE)
การถ่ายโอนพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าข้ามสเปกตรัมของสถานะพลังงานต่างๆ ที่แตกต่างกัน ทั้งหมดรวมเรียกว่าสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Spectrum: EMS) ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งสามมิติของมิติอวกาศ โดยกำหนดลักษณะเฉพาะของการดำเนินการทางอวกาศ คือประการแรก อวกาศยานส่วนใหญ่ใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเพื่อสร้างพลังงาน ซึ่งนอกจากนี้ แอปพลิเคชั่นพลังงานอวกาศทั้งหมดยังต้องอาศัยการทำงานจากระยะไกล สิ่งนี้ทำให้สเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า (EMS) เป็นกลยุทธ์ในอวกาศทางกายภาพที่สำคัญซึ่งมีการเชื่อมต่อของเครือข่ายที่สำคัญอยู่อย่างมาก โดยทำการเชื่อมต่ออวกาศยานกับผู้ปฏิบัติงานภาคพื้นดิน ผู้ใช้งาน และลูกค้า การเชื่อมต่อไร้สายผ่านทางสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้าช่วยให้สามารถเผยแพร่ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลต่อกระบวนการทางความคิดของผู้ที่ใช้ข้อมูลที่ได้รับจากอวกาศในการตัดสินใจ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ หรือตระหนักรู้ถึงความได้เปรียบทางการทหาร โดยหากไม่มีแอปพลิเคชันทางสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า เหล่านี้แล้วการดำเนินการทางอวกาศสมัยใหม่จะไม่สามารถทำได้
แม้ว่าสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้าจะมีอิทธิพลต่อการดำเนินงานในอวกาศทั้งสามมิติ แต่ก็ยังทำหน้าที่เป็นท่อส่งที่สามารถทำให้ภารกิจอวกาศสามารถหยุดชะงักหรือตกอยู่ในความเสี่ยงได้ ซึ่งรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติสามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมากต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของอวกาศยาน พลังงานควบคุมด้วยอาวุธสามารถทำลายอวกาศยานหรือ Payload ได้ โดยพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถขัดขวางหรือปฏิเสธการเชื่อมโยงของพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งสามารถแยกอวกาศยานออกจากผู้ปฏิบัติงานและผู้ใช้ได้ หากปล่อยไว้โดยไม่มีการป้องกัน ข้อมูลหรือข่าวสารที่เป็นเท็จสามารถส่งผ่านพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าไปในเครือข่ายทางอวกาศได้ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถจัดการกระบวนการในการตระหนักรู้ของผู้มีอำนาจในการตัดสินใจและผู้ปฏิบัติงานในระบบอวกาศ ซึ่งช่องโหว่เหล่านี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมากต่อความสามารถในการดำรงอยู่ของกำลังอวกาศทางการทหาร ดังนั้นกองทัพอวกาศจึงต้องเตรียมการที่จะใช้ประโยชน์และปกป้องพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งถือเป็น
กลยุทธ์การติดอาวุธในอวกาศ
กำลังอวกาศทางการทหาร ไม่สามารถชนะสงครามได้เพียงอย่างเดียว เช่นเดียวกับกำลังทางบก ทางเรือ ทางอากาศ หรือทางไซเบอร์ โดยความสำเร็จ ชัยชนะ การพ่ายแพ้ หรือความล้มเหลวของมัน สามารถพิสูจน์ความหายนะอย่างเด็ดขาดได้ในสงคราม เนื่องจากกำลังอวกาศทางการทหารมีศักยภาพที่จะมีความแตกต่างระหว่าง
ชัยชนะและความพ่ายแพ้ จึงต้องถูกมองว่ามีความสำคัญเท่าเทียมกันในฐานะอำนาจทางทหารในด้านอื่นๆ จากการสังเกตนี้เป็นความจำเป็นเชิงกลยุทธ์สำหรับการสร้างกองทัพอวกาศของสหรัฐฯ ให้เป็นหน่วยงานทางทหารอิสระที่สามารถเพิ่มกำลังอวกาศทางการทหารให้ได้สูงสุดในฐานะรูปแบบที่ชัดเจนและสำคัญของกำลังทางทหาร
— จบ ตอนที่ 12 บทที่ 3 Part 7 —
…….จบบทที่ 3…….
ที่มา https://www.spaceforce.mil/
เรียบเรียงโดย : ร.อ.นิตินัย อุตสาหะ