การดำเนินการบริการด้านเชิงพาณิชย์จะเกิดขึ้นในช่วงที่สถานีอวกาศนานาชาติจะหมดอายุการใช้งานในช่วงปี ค.ศ.2030 ซึ่งในเรื่องนี้ นายเดวิด พาร์คเกอร์ (David Parker) ซึ่งเป็นผู้อำนวยการด้านการสำรวจอวกาศขององค์การอวกาศยุโรป หรือ ESA ได้ให้ความเห็นว่า เรากำลังอยู่ในจุดตัดที่สำคัญยุคหนึ่งด้านกิจการอวกาศ และความท้าทายหนึ่งที่ยุโรปกำลังเผชิญคือ การรักษาความสามารถด้านการแข่งขันในด้านอวกาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณ Low Earth Orbit ซึ่งเริ่มมีการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
ด้านนายดาเนียล นอยชวานเดอร์ (Daniel Neuschwander) ผู้อำนวยการด้านการขนส่งของ ESA ได้ตั้งคำถามว่า ปัจจุบันภาคเอกชนมีขีดความสามารถที่จะทำการขนส่งนักอวกาศ หรือเสบียงไปยังห้วงอวกาศ ซึ่งนี่ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ในอุตสาหกรรมอวกาศ ดังนั้นคำถามที่ตามมาก็คือ ESA จะสามารถกระโดดเข้ามาร่วมวงบริการด้านการขนส่งเหล่านี้ในทศวรรษหน้าได้อย่างไร
![](http://isr.spoc.rtaf.mi.th/wp-content/uploads/2021/12/20211214-1.jpg)
ดังนั้น ESA จึงเชื่อมั่นว่า การผสมผสานระหว่าง SciHab กับความสามารถในการขนส่งใหม่ ๆ จะทำให้ยุโรปยังคงความสามารถแข่งขันด้านอุตสาหกรรมอวกาศในระดับสูง โดยเฉพาะในเทคโนโลยีที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ระบบยังชีพของนักอวกาศขั้นสูง หรือ ระบบการดูแลสุขภาพระยะไกล จะกลายมาเป็นจุดแข็งของ ESA ซึ่ง บริษัทอุตสาหกรรมด้านอวกาศทุกแห่งจะต้องให้ความสนใจอย่างแน่นอน
ที่มา : https://www.esa.int/Science_Exploration/Human_and_Robotic_Exploration/Europe_opens_up_a_new_space_to_commercial_services
แปลและเรียบเรียงโดย : ร.อ.ณัฐดนัย วิศิษฏ์โยธิน