ตอนที่แล้ว เป็นการแบ่งตอนที่ 4 ของ Space Capstone Publication Space Power หรือ หลักนิยมฯ กองทัพอวกาศสหรัฐ ในบทที่ 1 ได้กล่าวถึง มิติเครือข่าย (Network Dimension) มิติความรู้ความเข้าใจ(Cognitive Dimension) ความท้าทายของอวกาศยาน (Challenges Of Orbital Flight) และอุปสรรคในการเข้าถึง การเคลื่อนไหว และการกู้คืน (Barriers To Access, Movement And Recovery) ในตอนนี้จะเป็นตอนสุดท้ายในบทที่ 1 จากทั้งหมด 5 บท ของ Space Capstone Publication Space Power
อันตรายจากอวกาศยาน (Hazards Of Orbital Flight)
การเข้าใจผิดที่พบบ่อย คืออวกาศที่มีอยู่เป็นเหมือนกับสุญญากาศที่ว่างเปล่า การอธิบายดังกล่าวมองข้ามการเคลื่อนที่และสภาพแวดล้อมอันเป็นสิ่งที่ต้านทานของอวกาศยาน สภาพแวดล้อมประกอบด้วยอันตรายทางกายภาพมากมายและการแสดงการเคลื่อนที่จากสภาพแวดล้อมที่ต้านทานการปฏิบัติงาน ชั้นบรรยากาศของโลกได้ถูกขยายออกไปทางด้านบนซึ่งเหนือระดับเกณฑ์ที่ต่ำกว่าเพื่อสนับสนุนอวกาศยานอย่างยั่งยืน การขยายและการจำกัดขอบเขตให้แคบนั้นเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนที่ของแสงอาทิตย์ ในปริมาตรของอวกาศนี้ แรงต้านของบรรยากาศจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการโคจรของอวกาศยาน อวกาศยานที่ปฏิบัติการนอกเหนือการปกป้องของสนามแม่เหล็กโลกจะไม่ได้รับผลกระทบจากแรงต้านทานของชั้นบรรยากาศ แต่จะได้รับจากลมสุริยะ (Solar Wind) ซึ่งเกิดจากดวงอาทิตย์แทน ซึ่งลมสุริยะทำให้เกิดการแผ่รังสีอย่างต่อเนื่อง และอนุภาคที่มีประจุซึ่งสามารถทำลายส่วนประกอบทางกายภาพและทางไฟฟ้าของอวกาศยานได้อย่างรุนแรง ในขณะที่ลมสุริยะแผ่ไปทั่วบริเวณ สนามแม่เหล็กของโลกจะดักจับอนุภาคที่มีประจุเหล่านี้ก่อตัวเป็นแถบรังสี แวนอัลเลน (Van Allen) อวกาศยานที่เคลื่อนผ่านบริเวณเหล่านี้ต้องสัมผัสกับอนุภาคที่มีประจุและการแผ่รังสีพลังงานในระดับความเข้มข้นสูง

ขยะอวกาศก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการพัฒนากิจกรรมของมนุษย์ในอวกาศ สิ่งประดิษฐ์บนอวกาศใด ๆ ที่ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป คือขยะอวกาศ และส่งผลให้ทำให้เกิดอันตรายจากการชนกันกับวัตถุอื่นๆ ในวงโคจร วัตถุที่ไม่ได้ตั้งใจทำการลดระดับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศและเผาไหม้ หรือที่เรียกว่า Deorbit จะคงอยู่จนกว่าผลกระทบที่ค่อยเพิ่มขึ้นของการสลายตัวของวงโคจรซึ่งจะสิ้นสุดวิถีโคจรของพวกมัน โดยหากไม่มีการดูแลรักษาระดับความสูงเชิงรุก ระยะเวลาที่จำเป็นสำหรับการโคจรของโลกที่เป็นวงกลมเพื่อสลายเมื่อกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศอาจมีระยะเวลาตั้งแต่ เป็นวัน โดยมีระยะทางน้อยกว่า 250 ไมล์, ปี มีระยะทางน้อยกว่า 300 ไมล์, หลายทศวรรษ มีระยะทางน้อยกว่า 400 ไมล์ และ หลายศตวรรษ มีระยะทางมากกว่า 400 ไมล์ เมื่อการกระจุกตัวของขยะในอวกาศเพิ่มขึ้น การชนกันของเศษซากจะกลายเป็นที่แพร่กระจายมากขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยในการบินของอวกาศยาน และทำให้ประโยชน์ของมิติอวกาศลดลง
นอกจากนี้
ในการสู้รบในมิติอวกาศที่มีการแข่งขันกันอย่างแออัดคับคั่ง
ศัตรูที่มีศักยภาพของเรายังคงแข่งกันพัฒนา ทดสอบ และเพิ่มจำนวนอาวุธที่มีความซับซ้อนมากขึ้น
อาวุธเหล่านี้มีศักยภาพที่จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่ออวกาศยานอย่างรุนแรงมากที่สุด
เพื่อลดความเสี่ยงนี้จึงมีความจำเป็นที่เราต้องดำเนินการในการปฏิบัติการ
ทางอวกาศที่เน้นภัยคุกคาม
โดยการบูรณาการอย่างเต็มที่กับหน่วยสืบราชการลับที่เกี่ยวข้องในด้านการเฝ้าระวัง
และการลาดตระเวน อย่างทันท่วงที
ตั้งแต่การเริ่มต้นของยุคอวกาศ
ความพยายามที่จะกำหนดขอบเขตของอวกาศได้มุ่งเน้นไปที่ขอบเขตระหว่างอากาศและอวกาศ
การแบ่งเขตนี้เป็นที่มาของถกเถียงกันอย่างมาก เช่นเดียวกันกับกระแสน้ำที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงของมหาสมุทร
ยังไม่เพียงพอต่อการแสดงความลึกและความซับซ้อนของอาณาเขตทางทะเล
การกำหนดขอบเขตทางกายภาพของอวกาศที่ต่ำกว่าถูกมองข้ามจากมิติที่กว้างใหญ่และคุณลักษณะของการเคลื่อนที่
โดยอวกาศมีมากกว่าความสูง อวกาศเป็นมากกว่าแค่อวกาศยาน
แนวความคิดของการปฏิบัติการทางอวกาศคือต้องการขยายมิติทางกายภาพ (Physical Dimension) มิติเครือข่าย (Network
Dimension) มิติความรู้ความเข้าใจ (Cognitive Dimension) สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือ
เพื่อให้เข้าใจถึงความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงกับมิติอื่น ๆ อย่างสมบูรณ์
คำจำกัดความการทำงานนี้เป็นองค์ประกอบที่จำเป็นของความพยายามใด ๆ
เพื่อให้ได้ประโยชน์ที่สมบูรณ์ และคุณค่าของมิติอวกาศที่เป็นไปได้
— จบบทที่ 1—
ที่มา https://www.spaceforce.mil/
ที่มารูปภาพ https://en.wikipedia.org/wiki/Van_Allen_radiation_belt
เรียบเรียงโดย : ร.อ.นิตินัย อุตสาหะ