จากความสำเร็จของการดำเนินโครงการดาวเทียม Meteosat รุ่นที่ 1 และ 2 ทำให้โครงการในรุ่นที่ 3 หรือ Meteosat Third Generation (MTG) ได้รับความไว้วางใจอย่างต่อเนื่อง ให้เข้ามาสานต่อภารกิจการให้ข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยาในช่วงเวลาสองทศวรรษต่อจากนี้
ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยารุ่นใหม่ที่มีกำหนดการจะขึ้นสู่ห้วงอวกาศในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ.2022 นี้ จะได้รับการติดตั้งระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับภาพถ่ายที่ได้รับจากดาวเทียม Meteosat รุ่นที่ 2 ตลอดจนการรายงานข้อมูลภาพถ่ายช่วงเวลาที่มีฟ้าผ่าแบบเรียลไทม์ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีด้านอินฟาเรดสำหรับการคาดการณ์และตรวจจับพายุที่อาจมีความรุนแรง
หลังจากที่ทีมนักวิจัยและวิศวกรประสบความสำเร็จในการสร้างอุปกรณ์รวมภาพถ่ายอินฟาเรดของดาวเทียม (Flexible Combined Imager : FCI) เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อุปกรณ์ดังกล่าวก็ได้รับการติดตั้งบนฐานติดตั้งเรียบร้อย และพร้อมสำหรับการดำเนินการประกอบเข้ากับตัวดาวเทียม จากนั้นจึงจะเข้ารับการทดสอบความทนทานต่อความร้อนในสภาวะสุญญากาศซึ่งคล้ายกับการปฏิบัติงานจริง โดยมีกำหนดการทดสอบในต้นเดือนตุลาคมนี้ ณ เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส
สำหรับ FCI นั้น เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการวิจัยและพัฒนาโดยบริษัท Thales Alenia Space โดยได้ผ่านการทดสอบภายใต้สภาวะแวดล้อมต่าง ๆ รวมถึงการทดสอบระบบเกี่ยวกับการรับแสงของอุปกรณ์ในสภาวะสุญญากาศ เช่น การวัดคุณสมบัติทางแสงและคลื่นรังสี ซึ่งได้รับผลการทดลองเป็นที่น่าพอใจ เช่นเดียวกับระบบควบคุมท่าทางของดาวเทียมแบบสามแกน ซึ่งผลิตโดยบริษัท OHB จากเมืองเบรเมน ประเทศเยอรมนี ที่ผ่านการทดสอบแล้วเช่นกัน
ดาวเทียมจำนวน 6 ดวงของโครงการจะประกอบไปเดียวดาวเทียม 2 ประเภทได้แก่ดาวเทียมถ่ายภาพ (Imager Satellite : MTG-I) จำนวน 4 ดวง และดาวเทียมตรวจวัดอุณหภูมิและความชื้นในอากาศด้วยระบบอินฟาเรด (Sounder Satellite : MTG-S) จำนวน 2 ดวง ทั้งนี้ ดาวเทียม MTG-I1 เป็นดาวเทียมดวงแรกที่จะได้รับการผลิตและนำส่งขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
สำหรับดาวเทียม MTG-S นั้น กำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาโดยทีมวิศวกรจากบริษัท OHB และจะได้รับการประกอบในขั้นตอนสุดท้าย รวมถึงการทดสอบระบบต่าง ๆ ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนีในปลายปีนี้ โดยคาดว่าสามารถนำส่งขึ้นสู่ห้วงอวกาศได้ในช่วงปลายปี ค.ศ.2023
แหล่งที่มา :
แปลและเรียบเรียง : ร.อ.ณัฐดนัย วิศิษฏ์โยธิน
